วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สร้าง! แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก



มาสร้างแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักและมองโลกในแง่บวกมากขึ้น เพื่อให้คุณผู้หญิงได้รู้สึกสบายเมื่อคิดจะลดน้ำหนักอย่างจริงจัง เมื่อเราเกิด แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก อย่างแรงกล้าเชื่อว่าเรื่องการลดน้ำหนักคงจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ฉะนั้นแล้วควรตั้งเป้าหมายและไปให้ถึงให้ได้ คุณผู้หญิงบางท่านที่เมื่อยิ่งควบคุมน้ำหนักมาเท่าไหร่ก็ยิ่งเครียดนั้นจะไม่ค่อยส่งผลดีต่อร่างกายของคุณสักเท่าไร มาสร้าง แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก ในแง่บวกแล้วคุณจะเป็นอีกหนึ่งคนที่สามารถลดน้ำหนักได้อย่างสนุกสนานโดยไม่คิดว่านี่คือการลดน้ำหนักเหรอเนี่ย

คุณรู้สึกอย่างไรกับรูปร่างตัวเองพึงพอใจกับทุกส่วนโค้งส่วนเว้าหรือกลุ้มทุกทีที่เห็นหุ่นตัวเอง หลายคนมองตัวเองแล้วไม่มั่นใจ แต่ยังมีวิธีอีกมากที่ช่วยให้คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเองในแบบที่คุณเป็น โดยการแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก

ไม่ว่าจะหุ่นผอมแห้งหรืออ้วนตุ้ยนุ้ยก็ล้วนแต่ทำให้คุณไม่มีความสุข ไม่ว่าคุณจะสวมเสื้อผ้าไซส์ 8 หรือไซส์ 18 นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่เมื่อใดก็ตามที่ต้องสวมชุดว่ายน้ำ ลองเสื้อผ้าในห้องลองเสื้อ หรือเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครในโรงยิมนั่นย่อมสร้างความรู้สึกประสาทเสียและประหม่าความมั่นใจตนเองคือเครื่องมือ ชีวิตที่มีค่าการพึงพอใจกับรูปโฉมโนมพรรณของตนเองย่อมสร้างความสุขใจมากขึ้น นั่นเพราะคุณไม่ต้องมานั่งคอยกังวลเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาหรือวิตกว่าคนอื่นจะคิดกับคุณอย่างไร ความมั่นใจตนเองก่อให้เกิดความรู้สึกศรัทธาต่อตนเองและมีจิตใจที่เป็นสุขและแรงบันดาลใจก็จะตามมา ซึ่งจะถูกสะท้อนออกมาในทุกด้านของชีวิตตั้งแต่สุขภาพจิตไปจนถึงความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ดังนั้นทำไมเราจึงไม่หันมาเสริมสร้างความมั่นใจตนเองและที่สำคัญยิ่งกว่าคือวิธีการให้ได้มาซึ่งความมั่นใจ

เมื่อเปิดนิตยสารหรือดูทีวีเราจะเห็นภาพคนในแวดวงสังคมเฉิดฉายในชุดหรูอย่างที่เราอยากเป็น แต่ใช่ว่าเราทุกคนจะมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำเช่นนั้น "เราถูกกระหน่ำไม่หยุดยั้งด้วยภาพสาวงามหุ่นดีที่ใช้เทคนิคตกแต่งภาพให้ผิวดูเนียนใสไร้ริ้วรอยนี่เองที่เป็นต้นเหตุให้เกิดความรู้สึกด้านลบกับรูปร่างของตัวเอง" อินกริด เจ คอลลินส์ นักจิตวิทยาและที่ปรึกษาด้านจิตวิญญาณบำบัดกล่าว ปัจจัยหลักอีกประการที่อาจเป็นข้อมูลที่กรอกหูคุณมาตั้งแต่เด็กว่า หัดมีสมองให้มากกว่ามีแค่ความสวย คำพูดนี้อาจติดอยู่ในจิตใต้สำนึกจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่และมีผลบ่อนทำลายทัศนคติในด้านบวกที่มีต่อตัวเองทำให้ไม่ก่อเกิดแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักสิ่งจำเป็นที่คุณต้องทำคือการเปลี่ยนทัศนคติด้านลบที่คุณมีต่อตัวเอง 


แบบทดสอบคุณมั่นใจรูปร่างตัวเองแค่ไหน


1.คุณรู้สึกอย่างไรกับตัวเอง

A. ฉันว่ารูปร่างหน้าตาฉันดูดีเชียวละ
B. ฉันไม่แคร์ว่ารูปร่างหน้าตาฉันจะเป็นอย่างไร แต่ก็มีหลายอย่างที่ฉันอยากจะเปลี่ยนถ้ามีโอกาส
C. ฉันแทบไม่อยากส่งอกระจก ใคร ๆ ก็สวยกว่าฉันทั้งนั้น

2.คุณทำอะไรก่อนออกจากบ้านตอนเช้า

A. ส่องกระจกแวบหนึ่งเพื่อดูความเรียบร้อย เพราะการไปขึ้นรถให้ตรงเวลาเป็นเรื่องสำคัญ
B. ส่องกระจกซ้ำให้มั่นใจ ให้แน่ใจว่าเสื้อผ้าที่สวมดูดี
C. ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลือกเสื้อผ้าที่จะสวมใส่

3.ถ้ามีคนชมว่าคุณหน้าตาสวย คุณจะทำอย่างไร

A. กล่าวขอบคุณ ฉันรู้อยู่แล้วว่าตัวเองสวย
B. กล่าวขอบคุณ พร้อมชมอีกฝ่ายกลับเป็นการตอบแทน
C. รู้สึกเขิน ก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่จริง พวกเขาแค่ชมตามมารยาท

4.คุณอยากหุ่นดีจึงตกลงใจไปฟิตเนสคุณจะ...

A. มีความสุขที่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองต่อหน้าคนอื่นเดินอย่างมั่นใจไปที่เครื่องออกกำลังกาย
B. ไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และเดินกลับออกมาด้วยชุดหลวมๆ
C. เปิดวิดีโอออกกำลังกายอยู่ที่บ้าน

5.เพื่อนรักของคุณจัดงานปาร์ตี้คุณจะ...

A. ไปร่วมงานด้วยชุดที่คุณคิดว่าดูดี และเดินคุยกับคนในงานจนทั่ว
B. ไปร่วมงาน แต่คุยเฉพาะกับคนที่คุณรู้จัก
C. ไปร่วมงาน แต่จะซุกตัวอยู่ตามซอกหลืบพร้อมชวนเพื่อนไปนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์เสิร์ฟเครื่องดื่มจะได้ไม่เป็นเป้าสายตาใคร

6.หน้าร้อนที่จะมาถึงได้เวลาหยิบบิกินีขึ้นมาสวมใส่คุณ...

A. อยากสวมบิกินีลงทะเลจนแทบทนรอไม่ไหว
B. อยากสวมชุดว่ายน้ำและมีผ้าโสร่งผูกมากกว่า
C. ไม่อยากเฉียดใกล้บิกินีทุกไม่กล้าเผยเรือนร่างอวดสายตาผู้คน

7.เวลาอยู่ในห้องนอนคุณ...

A. ชอบเผยเรือนร่างให้แฟนยลโฉม คุณรู้สึกปลาบปลื้มในรูปร่างตัวเอง
B. ขอแค่แสงสลัว ๆ จากเทียนไขเท่านี้ก็สว่างพอแล้ว ขอบคุณมากค่ะ
C. ปิดไฟให้หมด ไม่ต้องถาม

8.เวลาซื้อเสื้อผ้าคุณ...

A. เลือกชุดที่ทำให้คุณดูหรูเริด เดินเข้าห้องลองเสื้อด้วยความมั่นใจ
B. พยายามเลือกเสื้อผ้าไซส์เล็กกว่าตัว แน่ละเพราะคุณกะให้เสื้อผ้าช่วยอำพรางหุ่นให้ดูผอมเพรียว
C. ไม่เคยหาเสื้อผ้าที่เหมาะกับหุ่นได้เลย คุณชอบสั่งซื้อจากแค็ตตาล็อกทางไปรษณีย์ และลองเสื้อผ้าที่บ้าน

เฉลยคำตอบกัน


ตอบ A เป็นส่วนใหญ่ ดีใจด้วยที่คุณมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง เคล็ดลับที่จะกล่าวต่อไปนี้จะช่วยทำให้คุณรู้สึกไม่เป็นสองรองใคร คุณสามารถช่วยให้คนอื่นรู้สึกมั่นใจในตัวเองได้เหมือนที่คุณเป็น

ตอบ B เป็นส่วนใหญ่ คุณกึ่งๆ มั่นใจในรูปร่างตัวเอง มีบางวันที่รู้สึกมั่นใจ บางวันที่มีความกังวล คุณมีความพอใจในตนเองพอประมาณ แต่ยังต้องเสริมอะไรบางอย่างเป็นพิเศษ เพื่อให้คุณรู้สึกดีกับตัวเองตลอดเวลา

ตอบ C เป็นส่วนใหญ่ คุณขาดความมั่นใจในรูปร่างตัวเองอย่างรุนแรง ทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น คุณจะได้ไม่ต้องปกปิดความต้องการที่แท้จริงหรือความสวยภายนอก


แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก


แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก


เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณสร้างแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักและมองตัวเองในแง่บวกมากขึ้น รู้สึกศรัทธาในตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าคุณมีจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรหรือรู้สึกอย่างไรกับเรือนร่างของตัวเอง

1. แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก โดยการเปลี่ยนวิธีคิด


"รูปร่างของคุณสะท้อนถึงสิ่งที่อยู่ภายในใจของคุณได้" กลอเรีย โทมัส นักบำบัดด้าน neuro linguistic programming (NLP) และที่ปรึกษาด้านฟิตเนสแบบองค์ กล่าว "ถ้าคุณบอกกับตัวเองเสมอ ๆ ว่า คุณอ้วนแก่หรือน่าเกลียดคุณจะไม่มีวันได้เห็นตัวเองผอมมั่นใจตัวเองและกระฉับกระเฉงคุณไม่มีวันรู้สึกเช่นนั้น" คุณสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับตัวเอง

- วิธีการเริ่มจาก นั่งในทำสบาย ๆ หายใจเข้าลึก ๆ 2-3 ครั้ง ทำจิตใจให้ปลอดโปร่งนึกภาพตัวคุณกำลังส่องกระจก คุณมองดูภาพสะท้อนตัวเองในกระจกคุณรู้สึกอย่างไรกับตัวเอง คุณพูดถึงตัวเองว่าอย่างไรบันทึกสิ่งที่คุณคิดมองดูภาษาที่คุณใช้ว่าเป็นถ้อยคำแง่ลบหรือไม่เช่น "ฉันดูอ้วนหรือน่าเกลียด" ตอนนี้ให้นึกภาพตัวเองเวลามีความสุขนึกดูสิว่าคุณจะสามารถเปลี่ยนภาษาที่ใช้ให้เป็นแง่บวกได้อย่างไร อะไรคือสิ่งที่จะทำให้คุณมีความคิดในด้านบวกใช่ดวงตาที่งดงาม รอยยิ้มที่สดใส หรือขาเรียวสวย ใช้ภาษาด้านบวกที่เป็นไวยากรณ์ปัจจุบันกาล คราวนี้ย้อนกลับไปดูตัวเองในกระจกดูพัฒนาการในการเป็นคุณคนใหม่ที่มีรูปร่างดี ทำเช่นนี้ทุกวันกระทั่งถ้อยคำต่าง ๆ และภาพเหล่านั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณ


2. แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก โดยการออกกำลังกาย

วิธีนี้ช่วยให้มีรูปร่างดีได้อย่างแท้จริง ถ้าคุณเป็นคนผอมมากการออกกำลังกายจะช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไปโรงยิมยกเวทน้ำหนักเบา ๆ หรือซื้อเครื่องเล่นเวทมาไว้ที่บ้าน การออกกำลังกายประเภทคิกบ็อกซิ่งหรือโยคะบ็อกซิ่งช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นแขนและน่องขาซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้คุณดูผอม ถ้าอยากลดน้ำหนักให้เลือกว่ายน้ำจ็อกกิ้งหรือออกกำลังกายกระชับกล้ามเนื้อ เช่น โยคะหรือพิลาเทส "วิธีนี้จะช่วยแก้ไขรูปร่างทำให้ดูตัวสูงขึ้นรูปร่างกระชับและผอมลง" การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้ร่างกายหลั่งเอนโดร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขช่วยให้มองโลกในแง่บวกคุณจึงรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น


3. แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก โดยการสะกดจิตบำบัด

นี่เป็นวิธีการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่มีต่อตัวเองที่ได้ผลดียิ่ง "มันช่วยให้คุณมองสิ่งต่าง ๆ จากอีกมุมมองหนึ่งที่แตกต่างออกไป" เดบอราห์ มาร์แชล วอร์เรน ที่ปรึกษาด้านสะกดจิตบำบัดบอก "คุณสามารถใช้วิธีนี้ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความศรัทธาในตัวเอง ตัวอย่างเช่น ภายใต้การสะกดจิตตัวคุณในวัยเด็ก (คนที่เคยประสบกับคำวิพากษ์วิจารณ์หรือเหตุการณ์ที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ) จะพูดว่า "ฉันน่าเกลียด" นักบำบัดอาจถามคุณว่า "ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น" และคำตอบที่ได้อาจเป็น "แม่ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเคยพูดว่าหน้าตาแบบนี้ทำยังไงก็ไม่สวย..." หรือจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ จากนั้นนักบำบัดก็จะฉายภาพตัวคุณในวัยผู้ใหญ่ให้กับตัวคุณในวัยเด็กพร้อมตั้งคำถามว่า "คุณคิดอย่างไรกับตัวเองในวัยผู้ใหญ่" ตัวคุณในวัยเด็กมักตอบว่า เธอสวย หรือน่ารัก หรือดูดี เปรียบเหมือนลูกเป็ดขี้เหร่วัย 11 ขวบได้พบตัวเธอเองเป็นนางหงส์แสนสวยที่เพียบพร้อมในทุกด้าน วิธีนี้เป็นการช่วยบำบัดปัญหาภาพลักษณ์ตัวเอง แต่ควรไปพบนักสะกดจิตบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญซึ่งสามารถสอนเทคนิคต่าง ๆ ให้คุณนำไปให้ที่บ้านด้วยตนเอง


4. แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก โดยการสู้กับปัญหาสุขภาพ

ปัญหาขนบนใบหน้า สิว ผมร่วง พุงป่อง น้ำหนักลดหรือเพิ่มฮวบฮาบ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้คุณรู้สึกไม่ดีกับรูปร่างหน้าตาตัวเอง ปัญหาเหล่านี้อาจมีสาเหตุที่แท้จริงมาจากโรคต่าง ๆ เช่น ภาวะที่มีถุงน้ำมากมายในรังไข่ ภาวะผิดปกติก่อนมีประจำเดือน วัยทอง และความผิดปกติที่ต่อมไธรอยด์ล้วนส่งผลกระทบต่อลักษณะทางกายภาพ แทนที่จะปิดตัวเองควรหันไปพบแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยอาการและหาทางรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป


5. แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก โดยการมองเห็นความงามในภายและภายนอก

"การสามารถมองหาข้อดีอะไรก็ได้ที่คุณมีนับเป็นสิ่งจำเป็นคุณสมบัติที่ดีเหล่านี้นับเป็นความงดงาม" อินกริดชี้แจง ลองเทคนิคต่อไปนี้ก่อนเข้านอน ให้ยืนเปลือยกายหน้ากระจกมองหาจุดดีในร่างกายหนึ่งอย่าง กล่าวขอบคุณจุดดีนั้นทำเช่นนี้ทุกคืน มองหาจุดดีใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละครั้งในที่สุดคุณจะปลาบปลื้มกับทุกส่วนในร่างกายของคุณ จากนั้นมองหาด้านดีหนึ่งอย่างในส่วนของบุคลิกภาพทำเช่นนี้ทุกคืน อย่าลืมกล่าวขอบคุณด้านดีนั้นทุกครั้งไม่ช้าคุณจะรู้สึกปลาบปลื้มกับความงามภายในและภายนอกของตัวเองผลที่ตามมาคือความรู้สึกมั่นใจในตัวเองเพิ่มมากขึ้น


6. แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก โดยการทำตัวให้ดูดี

การเปลี่ยนแปลงในทางบวกทำให้รูปร่างหน้าตาของคุณดูดีได้อย่างน่าทึ่งและช่วยเสริมสร้างความมั่นใจตนเอง
- ตัดผมทรงใหม่ช่วยให้คุณดูมีเสน่ห์มากขึ้น มองหาทรงผมเดิ้น ๆ จากแมกกาซีนชั้นนำหรือปรึกษาช่างผมว่าควรไว้ผมทรงใดจึงจะรับกับใบหน้า นี่เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณดูดีมีความศรัทธาในตัวเองและมีความสุขมากขึ้น

- โละเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าชุดไหนที่ใส่ไม่ได้อย่าเก็บไว้ เว้นเสียแต่ว่าคุณตั้งเป้าที่จะลดความอ้วนเพื่อสวมชุดเหล่านั้นให้ได้อีกครั้ง นอกเหนือจากนี้แล้วคุณควรนำเสื้อผ้าพวกนี้ไปบริจาค จากนั้นมองหาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วดูดีเหมาะกับรูปร่างของคุณในตอนนี้

- ไปนวดตัว นี่เป็นวิธีที่ช่วยให้คุณรู้สึกเพลิดเพลินกับเรือนร่างและอยากมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับร่างกายของคุณ


7. แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก โดยการปรึกษาเพื่อนฝูง

ไม่ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองผอมเกินไป หรืออ้วนเกินไป เตี้ยเกินไป หรือจมูกคด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเห็นคุณเป็นเช่นนั้นด้วย "โดยมากคนอื่นจะไม่ตัดสินคุณเหมือนอย่างมาตรฐานที่คุณมองตัวเอง" ซูซาน คิลเลียม นักจิตวิทยากล่าว เพื่อตรวจสอบว่าความกังวลของคุณเป็นจริงหรือไม่ให้ถามความเห็นของเพื่อสนิทที่คุณไว้ใจ ให้เขาหรือเธอแจกแจงส่วนดีของคุณนึกถึงเวลาที่คุณมองตัวเองในกระจกแล้วนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่คนอื่นเห็น เรามักเห็นตัวเองมีตำหนิเต็มไปหมดแม้ตำหนิเล็ก ๆ น้อย ๆ เราก็มองเป็นเรื่องใหญ่จนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจตัวเองขณะที่สิ่งเหล่านี้กลับไม่ใช่สิ่งบกพร่องในสายตาคนอื่น

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

6 วิธีผิดในการลดไขมัน


1.  ซิทอัพ
เราคงเคยได้ยินได้อ่านมาบ่อย อย่างเช่นบางคนถามเรื่องวิธีการลดหน้าท้องลดเอวหรือพุงนั้นแหละ และจะมีหลายๆคนให้ความเห็นว่า ซิทอัพสิ บ้างก็ว่า 100 ครั้งต่อวันบ้าง 200 บ้าง แต่อันที่จริงแล้วการซิทอัพแทบไม่ได้ช่วยให้ไขมันลดลงแม้แต่น้อย  แล้วการซิทอัพได้ประโยชน์อันใด ??  สิ่งที่ได้จากการซิทอัพคือ ความแข็งแรงของกล้ามท้องและขนาดของกล้ามท้อง หรือที่เค้าเรียกกันว่า Six Pack นั้นเอง ไม่มีส่วนช่วยในการลดไขมันลงเลย แถมหากท่านเป็นคนมีหน้าท้องเยอะอยู่เเล้วไปซิทอัพเพื่อสร้างกล้ามท้องก็จะทำให้มันป่องยิ่งกว่าเดิมซะอีก เพราะกล้ามท้องถูกสร้องให้นูนขึ้นแต่ไขมันยังอยู่เท่าเดิมเมื่อปริมาณไขมันเดิมบวกกับปริมาณกล้ามท้องจึงทำให้ท้องของท่านดูป่องเข้าไปอีก (กรณีผู้หญิงจะไม่ค่อยมีผลเพราะสร้างกล้ามท้องได้ยากมากเพราะไม่มีฮอร์โมนเพศชาย) และถึงแม้ว่าท่านจะสร้างกล้ามท้อง ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะซิทอัพอย่างเดียว เพราะถึงมีกล้ามท้องท่านก็จะไม่เห็นมันอยู่ดีหากมีไขมันปกคลุมอยู่เต็มท้อง วิธีที่ดีที่สุดคือ คาดิโอกับควบคุมอาหารครับที่จะช่วยให้ไขมันลดลงและเห็นกล้ามท้องแบบชัดๆ

2.  เครื่องสั่นหน้าท้อง
เราจะเห็นว่าในสถานที่ฟิทเนสมักมีเครื่องชนิดนี้อยู่ ที่เอาสายคาดเอวเเล้วกดให้สายมันสั่น เครื่องนี้ไม่มีส่วนช่วยในการสลายไขมันแม้แต่น้อย แต่ก็ยังมีคนเข้าใจผิดอยู่เยอะครับ จะเห็นได้จากสาวเจ้าเนื้อมักจะต่อคิวกันใช้เครื่องนี้อย่างไม่ขาดช่วง อันที่จริงเเล้วไขมันไม่ได้เอาออกง่ายถึงเพียงนั้น แค่สั่นๆเเล้วมันจะหายไปอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง และเครื่องเหล้านั้นหน้าที่หลักของมันคือเอาไว้คลายกล้ามเนื้อให้ผ่อนคลายจากการออกกำลังกายครับ ส่วนเรื่องลดไขมันเป็นเรื่องที่คิดไปเองครับ

3.  ซาวน่า
ซาวน่าไม่ได้ช่วยลดไขมันเลยเช่นกัน แต่ลดน้ำหนักได้บ้าง งงไหมครับ ก็คือว่าที่มันลดออกไปน่ะคือน้ำในร่างกายเราครับก็คือเหงื่อนั้นเอง พอเราออกมาเรากินน้ำตามปกติน้ำหนักก็กลับขึ้นมาดังเดิมอีกครั้ง ประโยชน์ของการเข้าซาวน่าคือช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน อย่างโรคหวัด โรคแพ้อากาศ โรคเกี่ยวกับระบบทงเดินหายใจบางอย่าง แต่ไม่ช่วยลดไขมันครับ

4.  ผ้าหรือยางรัดหน้าท้อง
ผ้าหรือยางรัดนี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยในการสลายไขมัน ไขมันมันยังอยู่ในร่างกายไปรัดมัน มันก็ยังเท่าเดิมแหละครับ ไม่ใช่ไปบีบมันแรงๆเเล้วมันกระฉูดออกมาทางรูขุมขนนะครับ แต่มันก็ดีอย่างตรงที่ทำให้คนไม่ค่อยทานอาหารเกินเพราะไปรัดมันซะแน่น พอทานเยอะท้องเต็มมันเลยอึดอัด พอทานน้อยๆน้ำหนักมันเลยลดไปเอง เลยดูเหมือนมันลดไขมันได้ ไม่จริงหรอกครับ

5. เจลร้อน
เจลร้อนเองก็ไม่ได้ช่วยลดไขมันครับ ไม่งั้นคงไม่เห็นคนอ้วนกันเเล้วเพราะวิธีนี้ค่อนข้างสะดวกสำหรับคนขี้เกียจเพราะแค่ทาเเล้วก็รอให้มันลด แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นสิครับ ไขมันก็ยังอยู่เท่าเดิมแถมทำให้เราทรมานไปกับความร้อนที่ผิวหนังเปล่าๆมันไม่ได้เข้าไปทำปฏิกิริยาอะไรกับไขมันเลย หากเจลร้อนได้ผลจริง ยาทาบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อหรือน้ำมันมวยก็คงได้ผลสำหรับการลดไขมันแหละครับ

6.  ฮูลาฮูป
จะว่าช่วยได้ก็ช่วยได้ จะว่าช่วยไม่ได้ก็ไม่ได้ คือการออกกำลังกายที่ดีคือออกกำลังอย่างต่อเนื่อง และทำให้ร่างกายเกิดความเหนื่อยระดับหนึ่ง ทีนี้เจ้าตัวนี้ผมเห็นบางคนแกร่งไม่ถึง 5 นาที หยุดเพราะมันหล่น แบบนี้ไม่ช่วยในการลดไขมันเท่าไหร่ครับเพราะขาดความต่อเนื่อง และอยู่ที่ความเหนื่อยด้วย หากเล่นเเล้วไม่มีอาการเหนื่อยหรือเหงื่อซึมเลย เล่นไปร้องเพลงไปไม่ติดขัด ก็ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะงั้นลดได้ไม่ได้อยู่ที่คนครับ หากเล่นได้ต่อเนื่องถึง 30 นาที มีอาการเหนื่อยนิดๆถึงปานกลาง ก็โอเคครับช่วยได้ แต่คนมักเข้าใจผิดว่ามันลดได้เพราะห่วงมันเบียดเสียดกับเอวตลอดเวลาทำให้ไขมันสลายอันนี้เข้าใจผิดครับ มันลดได้เพราะมันได้เผาผลาญตอนเราออกกำลังครับ

ในเมื่อวิธีทั้งหมดที่กล่าวมา ที่จะทำให้คนขี้เกียจแต่อยากผอม ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ เเล้ววิธีใดล่ะที่มันได้ผล ??

วิธีที่ดีที่สุดคือ ออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ใช้เครื่องคาดิโอ บวกกับการควบคุมอาหารครับ วิธีดังกล่าวคือการทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญเกิดการใช้พลังงาน ไขมันก็คือพลังชนิดหนึ่งซึ่งสำรองไว้กันภาวะขาดแคลนอาหาร ในเมื่อมันเป็นพลังงานพอเราทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมันก็จะต้องถูกนำไปใช้อย่างไม่มีข้อยกเว้นครับ เพียงแต่มันจะถูกใช้เป็นช่วงหลังครับ แรกๆ จะใช้พลังงานหลักคือพลังงานจากคาโบไฮเดตรที่เราทานเข้าไปก่อนเเล้วค่อยใช้ไขมัน จึงเป็นที่มาว่าทำไมต้องออกกำลังอย่างน้อย 30 นาทีครับ

สรุปว่าไขมันเอาออกได้ 2 วิธีครับคือ ทำให้มันถูกใช้งานและอีกวิธีลัดสุด ไปพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อดูดมันออกครับ ส่วนการใช้ความร้อน การสั่น การรัด ไม่ช่วยให้มันถูกใช้งานครับ

Burn ไขมัน

Burn แคลอรีอย่างไร...ให้ได้ผล?

มีคำถามมาเสมอๆ ว่าวิธีการใดเป็นการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักและไขมันที่ดีที่สุด บางคนอาจจะบอกว่าออกกำลังกายไว้ก่อน ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าออกกำลังกายไม่ถูกต้องหรือหักโหมจนมากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่ได้ผลตามที่ต้องการอีกด้วยครับ
จากการศึกษาพบว่าโปรแกรมการออกกำลังกายที่ดีและช่วยให้ได้ผลตามที่ต้องการนั้น จะต้องทำการบริหารร่างกายแบบ weight training ควบคู่กันไปกับการออกกำลังกายแบบ aerobic exercise แต่คนส่วนใหญ่มักคิดว่าถ้าต้องการลดน้ำหนักหรือไขมันส่วนเกินออกไปจะต้องทำ aerobic exercise เพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วการบริหารร่างกายแบบ weight training ก็สำคัญและมีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีกล้ามเนื้อที่ได้สัดส่วนสวยงามแล้วยังมีส่วนช่วยเพิ่มมวลของกล้ามเนื้อ ซึ่งมีผลทำให้ร่างกายเพิ่มการเผาผลาญพลังงานหรือแคลอรีที่มากขึ้นตาม ไม่แต่เฉพาะระหว่างการออกกำลังกายเท่านั้น แต่รวมไปถึงช่วงที่พักหรือไม่ได้ออกกำลังกายด้วย
ถ้าเรามองเฉพาะ aerobic exercise ก็มีอยู่หลายวิธีที่สามารถออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันหรือแคลอรีส่วนเกินออกไปได้ เช่นเดียวกันเรามักจะได้ยินคนพูดถึงการเผาผลาญไขมันจะต้องใช้วิธีการออกกำลังกายแบบเบาๆ ไม่หนักมาก แต่ใช้เวลานานเพื่อผลในการเผาผลาญเปอร์เซนต์ของไขมันที่มากกว่า ความเชื่ออันนี้ถูกต้องเพียงครึ่งเดียว เพราะว่าถ้ามีการออกกำลังกายแบบเบาๆ ประมาณ 40–50% maximum heart rate (ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด ซึ่งหาได้จาก 220- อายุ) ร่างกายมีการเผาผลาญไขมันมากกว่าก็จริง แต่ถ้ามองถึงแคลอรีโดยรวมแล้วจะมีการเผาผลาญพลังงานน้อยกว่าการออกกำลังกายที่หนัก แถมยังเปลืองเวลากว่าด้วย
เช่น การเดินเร็วๆ 50–60 นาที อาจมีการเผาผลาญแคลอรีประมาณ 250–300 แคลอรี (เปรียบเทียบจากคนที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 70 กิโลกรัม) จะเป็นการเผาผลาญแคลอรีจากไขมันประมาณ 120–180 แคลอรี หรือประมาณ 50-60% จากแคลอรีโดยรวม เมื่อเปรียบเทียบกับการออกกำลังกายที่มีความหนัก 65–80% maximum heart rate เช่น การวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 6–7 ไมล์ต่อชั่วโมงในระยะเวลาที่เท่ากันสามารถเผาผลาญแคลอรีได้ประมาณ 700–800 แคลอรี เมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ของการเผาผลาญไขมันอาจอยู่ที่ 30–40% เท่านั้น แต่เมื่อดูถึงปริมาณของแคลอรีที่ใช้ไปจะเผาผลาญพลังงานได้ถึง 210–320 แคลอรี ถ้ามีการออกกำลังกายลักษณะนี้เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็สามารถเผาผลาญไขมันได้ปริมาณใกล้เคียงกับการออกกำลังกายเบาๆ แต่ใช้ระยะเวลานานกว่า
ดังนั้นถ้าร่างกายของเราฟิตและแข็งแรงดีสามารถออกกำลังกายได้เต็มที่ ก็ควรบริหารร่างกายแบบ aerobic exercise ที่มีความหนักมากๆ ได้เลย ซึ่งจะช่วยเผาผลาญไขมันและแคลอรีโดยรวมได้มากเช่นกัน นอกจากนี้การออกกำลังกายที่หนักยังมีผลทำให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานต่อเนื่องไปประมาณ 24–48 ชั่วโมงหลังจากออกกำลังกายไปแล้ว ซึ่งการบริหารร่างกายแบบเบาๆ จะไม่เกิดผลเช่นนี้ ถ้าพิจารณาน้ำหนักของไขมันที่ต้องการกำจัดออกไป 1 กิโลกรัมจะต้องมีการเผาผลาญแคลอรีอย่างต่ำประมาณ 7,700 แคลอรี โดยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมสม่ำเสมอ ดังนั้นการออกกำลังกายเพื่อช่วยเผาผลาญแคลอรีให้มากอาจจะขึ้นอยู่กับวิธีการออกกำลังกายแบบ aerobic exercise ชนิดต่างๆ ดังนี้
  • Interval Training: เป็นวิธีการออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา ส่วนใหญ่แล้วจะพบเห็นโปรแกรมลักษณะนี้ในเครื่องออกกำลังกายแบบ cardio ชนิดต่างๆ มีตั้งแต่โปรแกรม interval ธรรมดาไปจนถึงโปรแกรมที่มีลักษณะของความหนักเบาที่แตกต่างกันออกไป เช่น heart rate interval, trail blazer, alpine หรือแม้แต่โปรแกรม fat loss ก็เป็น interval training เช่นเดียวกัน โดยการออกกำลังกายที่มีความหนักสลับเบานี้มีผลทำให้ร่างกายตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้เพิ่มอัตราการเผาผลาญได้มากขึ้นตาม
  • Circuit Training: ใช้ได้ทั้งอุปกรณ์ที่เป็นการออกกำลังกายแบบ weight training หรือ cardio machines เพียงอย่างเดียว หรือผสมผสานกันไประหว่างอุปกรณ์ทั้ง 2 แบบ ซึ่งการออกกำลังกายแบบนี้สามารถเผาผลาญได้ตั้งแต่ 10–12 แคลอรีต่อนาทีขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับความหนักของการออกกำลังกายด้วย) การเพิ่ม stations หรือสถานีเข้าไปยิ่งเพิ่มระยะเวลาทั้งหมดในการออกกำลังกาย จะสามารถเพิ่มแคลอรีได้มากขึ้นตาม และสามารถกำหนดให้มีได้ตั้งแต่ 4–12 สถานี ถ้าสถานีไม่มากสามารถทำซ้ำได้ 2–3 รอบ หรือถ้ามีจำนวนสถานีมากอาจทำแค่รอบเดียวก็ได้
  • Body Attack: เป็นแอโรบิคคลาสที่เพิ่มความทนทานและความแข็งแรงให้กับทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งโปรแกรมหลักของคลาสนี้ก็เป็นลักษณะของ interval training โดยช่วยเผาผลาญแคลอรีได้เป็นอย่างดี ในคลาสนี้เมื่อออกกำลังกายครบ 45 นาทีสามารถเผาผลาญได้ถึง 500–550 แคลอรี
  • Body Pump:การออกกำลังกายลักษณะนี้นอกจากจะช่วยให้ร่างกายกระชับ เพิ่มความแข็งแรง และความทนทานกล้ามเนื้อให้ได้สัดส่วนที่สวยงามแล้ว เนื่องจากคลาสนี้เป็นการยกน้ำหนักในขณะออกกำลังกายแบบแอโรบิค จึงช่วยเผาผลาญแคลอรีได้เป็นอย่างดี
  • RPM หรือ Spinning: เป็นแอโรบิคคลาสที่ใช้การปั่นจักรยาน สามารถเผาผลาญได้มากประมาณ 600–800 แคลอรี ในระยะเวลาประมาณ 45 นาที ถือว่าเป็นคลาสที่ช่วยในการลดไขมันได้เป็นอย่างดี
การเผาผลาญแคลอรีไม่เพียงแต่เกิดจากการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ระหว่างที่คุณทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวันก็สามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้เช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับชนิดและระยะเวลาของการทำกิจกรรมนั้น เช่น การล้างรถ ร่างกายจะเผาผลาญประมาณ 112–150 แคลอรี ภายใน 30 นาที ดังนั้นถ้าเราต้องการเพิ่มการเผาผลาญแคลอรีในแต่ละวันให้มากขึ้น ก็ควรเพิ่มหรือทำกิจกรรมในแต่ละวันให้มากขึ้น อย่านั่งเฉยๆ ดูทีวีเพียงอย่างเดียวนะครับ จะได้ช่วยให้มีสุขภาพที่แข็งแรงปราศจากโรคภัยต่างๆ มาเบียดเบียนครับ

การกินเวย์ให้ถูกวิธี



การกิเวย์โปรตีนหรือที่หมู่นักกล้ามเขาเรียกกันสั้นๆว่ากินเวย์นั้น กินอย่างไรให้ได้ผล เจ้าเวย์ตัวนี้มีหลายรุสชาด มีรสนม รสวานิลา ช็อกโกแล็ตบ้าง ก็แล้วแต่จะทำกันขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์อย่างเดียวคือทานง่ายไม่เลี่ยน บางคนถึงกะเอาไปปั่นกับผลไม้เลยทีเดียว เจ้าอาหารเสริมเวย์ก็จะไปช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้มีกล้ามเป็นมัดๆ เวลาออกกำลังกายและก่อนนอนอีกทั้งตื่นนอนก็ต้องซัดเจ้านี้ก่อน
แบบบำรุงกันทั้งวัน ปัจจุบันเวย์โปรตีนมีหลากหลายยี่ห้อมาก ท่านใดที่กำลังมองหาหรือกำลังจะกินก็ให้เช้คดูให้ละเอียดด้วย คือมันก็มีวันหมดอายุเหมือนอาหารทั่วไป และก็ดูด้วยว่าเราอยู่ขั้นไหนต้องบำรุงเวย์ตัวใด ท่านจะได้มีกล้ามสมใจอยาก เพราะการใช้อาหารเสริมให้ถูกต้องถูกเวลามีส่วนในการประสบผลสำเร็จได้ไวและสูงกว่าผู้ที่กินแบบไม่ได้ดูเลยว่าโปรตีนตัวนี้มันไปช่วยสร้างช่วยส่วนใดในร่างกายของเราบ้างเพราะเคยมีบางท่านกินเวย์ผิดหรือกินแล้วไม่ออกกำลังกาย ตรงนี้มีผลต่อร่างกายคือ ส่งผลให้ร่างกายผิดรูปเช่นอวบท้วม เตี้ยตันไปเลยทีเดียว อย่างว่าการใช้ยาหรือสารอาหารชนิดใดก็แล้วแต่ควรปรึกษาแพทย์หรือไม่ก็ปรึกษาพี่เลี้ยงก่อนดีกว่าเพราะพลาดไปแล้วอาจไม่คุ้ม สุดท้ายขอให้ผู้อ่านมีรูปร่างเหมือนนายแบบนะครับ กล้ามบึ้กๆกันทุกท่าน

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การลดความอ้วนที่ถูกวิธี

ความฝันที่จะได้ใส่ชุดบิกินี่ไปเดินอวดหุ่นเป๊ะ ๆ ริมชายหาดรับซัมเมอร์ หรือการใส่ชุดราตรีเข้ารูปไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวในเดือนหน้าอาจต้องสะดุดลง เมื่อห่วงยางน้อย ๆ และสะโพกบิ๊กบึ้มเป็นอุปสรรคขัดขวางความสวยแบบจัดเต็มของคุณ ครั้นจะรีบออกไปโหมออกกำลังกายเร่งรีดหุ่นตอนนี้ก็อาจไม่ทันการซะแล้ว 
          งานนี้คงต้องพึ่งตัวช่วย "วิธีลดความอ้วนอย่างรวดเร็ว" ที่กระปุกดอทคอมรวบรวมมานำเสนอให้สาว ๆ ที่กำลังหาแนวทางลดความอ้วนแบบด่วน ๆ ภายในไม่กี่สัปดาห์ ขอบอกเลยค่ะว่า การลดความอ้วนอย่างรวดเร็วจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริงในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคุณล้วน ๆ 


ลดความอ้วนอย่างรวดเร็ว ด้วยการลดแคลอรี่

          การที่จะลดความอ้วนได้นั้น สาว ๆ จำเป็นต้องเผาผลาญพลังงานส่วนเกินออกไปจากร่างกายเสียก่อน โดยปกติแล้ว ถ้าเป็นสาวออฟฟิศที่วัน ๆ นั่งจ้องแต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กินแล้วนั่ง นั่งแล้วก็เครียด กลับถึงบ้านก็กินมื้อใหญ่ กินแล้วก็นอน แทบหาเวลาออกกำลังกายไม่ได้เลย แบบนี้รับรองว่าแคลอรี่ส่วนเกินสะสมเป็นไขมันตามร่างกายแน่นอน ลองเริ่มต้นเผาผลาญแคลอรี่ให้ตัวเองทุกวัน จากกิจกรรมเหล่านี้ดู

           ถ้าชอบฟังเพลง อย่านั่งฟังเฉย ๆ ลุกขึ้นมาเต้นตามจังหวะเพลงโปรดไปด้วยดีกว่า จะเต้นท่าไหนยังไงก็ตามแต่คุณถนัด พยายามเต้นให้ได้อย่างน้อย 15 นาที ก็ไม่มากนะ แค่ 4-5 เพลงเองจริงม่ะ

            ลุกขึ้นมาทำงานบ้าน งานบ้านจะช่วยให้เราได้ออกแรงมากขึ้น อย่างการกวาดบ้าน-ถูบ้าน แค่ครึ่งชั่วโมง ก็จัดการไปแล้วอย่างน้อย 376 แคลอรี่  ถ้าลุกไปเช็ดหน้าต่าง เช็ดกระจก อีกครึ่งชั่วโมง ก็หายไปอีก 150 แคลอรี่ ปิดท้ายด้วยการล้างรถและลงแวกซ์ต่ออีก 40 นาที อีก 240 แคลอรี่ก็หายไปแบบสบาย ๆ ยังไม่รวมงานบ้านอื่น ๆ ที่จะช่วยให้บ้านคุณสะอาด และเบิร์นแคลอรี่ให้คุณได้ด้วย

           อย่าอยู่นิ่ง ไม่ว่าคุณจะคุยโทรศัพท์ หรือดูทีวีอยู่ ขอให้ลุกเดินไปด้วย หรือจะย่ำเท้าไปด้วยก็ได้ การทำเช่นนั้นทุก ๆ วัน จะทำให้แคลอรี่ลดลงไปได้เยอะมาก แต่ถ้ามีเวลามากพอสักหนึ่งชั่วโมง ขอแนะนำให้ออกไปเดินเล่นแบบชิล ๆ เลยทีกว่า ไม่ต้องเดินเร็วมากก็เผาผลาญแคลอรี่ได้เหมือนกัน

           เดินขึ้นลงบันได ใครทำงานอยู่ตึกสูง ๆ อาจจะได้เปรียบข้อนี้ เพราะแทนที่คุณจะขึ้นลิฟต์ เราขอแนะนำให้ลองเดินขึ้นลงบันไดแทนดีกว่า ใช้เวลาไม่นาน แต่เรียกเหงื่อได้ดีทีเดียว แถมยังช่วยกำจัดแคลอรี่ได้อีก 36 แคลอรี่แบบสบาย ๆ

           วิดพื้น ท่าบริหารร่างกายง่าย ๆ ที่ทำได้ทั้งหญิง-ชาย แถมไม่ต้องใช้พื้นที่ ไม่ต้องใช้อุุปกรณ์อะไรมาก แค่ผลักตัวเองขึ้น ๆ ลง ๆ พยายามทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ก็หายไปแล้ว 45 แคลอรี่ แถมท่านี้ยังช่วยบริหารกล้ามเนื้ออก ไหล่ด้านหน้า และหลังแขนได้ด้วย

           ไปช้อปปิ้ง เวลาไปเลือกซื้อกับข้าวในซูเปอร์มาร์เก็ต ขอให้ลากรถเข็นคันใหญ่ ๆ ไปด้วย เดินวนไปวนมารอบซูเปอร์มาร์เก็ตสักครึ่งชั่วโมง ก็ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้บ้างเหมือนกัน

           ทำกับข้าวทานเองที่บ้าน เลือกทำอาหารเพื่อสุขภาพ แล้วอย่าลืมล้างจาน ล้างครัวด้วยเมื่อทานเสร็จ เผลอแป๊บเดียวก็ครบชั่วโมง ได้อิ่มอร่อยแบบสุขภาพดี แถมเบิร์นแคลอรี่ได้อีกต่างหาก



ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทาน 

          ถ้าทำกิจกรรมเพื่อลดแคลอรี่อย่างเดียว แต่ทุกวันก็ยังสั่งข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู พิซซ่า ฟาสต์ฟู้ด กาแฟเย็นใส่วิปครีม มานั่งทานอยู่ล่ะก็ ไม่มีทางที่สาว ๆ จะลดน้ำหนักได้แน่นอน เพราะฉะนั้น ถึงเวลาที่จะต้องมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารของตัวเองอย่างจริงจังแล้วล่ะ 

           ดื่มน้ำเยอะ ๆ ในแต่ละวัน เพราะผลการวิจัยบอกว่า น้ำจะช่วยเร่งระบบเผาผลาญ และยังช่วยควบคุม ลดความรู้สึกปวดท้องเวลาหิวและรักษาระดับน้ำหล่อเลี้ยงร่างกายไว้ แถมหากดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารเที่ยงยังช่วยให้เราทานอาหารได้น้อยลงด้วย 

           แบ่งอาหารให้เพื่อนที่กำลังลดความอ้วนเหมือนกัน ทานด้วยกัน ควบคุมด้วยกัน จุดประสงค์เดียวกันสองแรงแข็งขันจะทำให้เกิดแรงกระตุ้นให้สามารถเอาชนะความอ้วนได้แบบคูณสองเลย

           เลือกจานข้าวใบเล็ก ๆ เวลากินข้าว ยิ่งพื้นที่เล็กเท่าไหร่ คุณก็จะทานอาหารได้น้อยกว่าจานใหญ่แน่นอน แม้จะเป็นอาหารชนิดเดียวกัน โดยมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ชี้ว่า ยิ่งชามใหญ่คุณก็จะยิ่งกินเยอะ แต่หากคุณเปลี่ยนขนาดจานจากเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 นิ้ว มาเป็น 10 นิ้ว คุณจะกินน้อยลง 20-25% 

           ใช้จานข้าวสีเข้ม ๆ เพราะมีผลวิจัยออกมาว่า การใช้จานสีเข้ม ๆ จะช่วยให้ความอยากอาหารของคุณลดลง โดยเฉพาะสีน้ำเงินเข้มถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ควรหลีกเลี่ยงจานสีแดงและสีเหลือง หากรับประทานในมื้อเย็น เพราะมันกลับจะช่วยเพิ่มความอยากอาหารของคุณให้มากขึ้น 

           อย่ากินหมดจาน ให้เหลืออาหารไว้สัก 25% ทุกมื้อ ถ้าหากเสียดายก็ให้เก็บอาหารที่เหลือนั้นไว้ทานมื้อถัดไปแทน จะช่วยลดแคลอรี่ได้เยอะเลย

           เลี่ยงของไร้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นของทอด ของมัน ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมาก เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลมาก กาแฟ หรือช็อกโกแลตเย็น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเพียง 1 แก้วใหญ่ก็ให้พลังงานเท่ากับการกินอาหารมื้อใหญ่ทีเดียว แต่ก็ไม่ต้องถึงกับหย่าขาดกับของชอบ คุณอาจกินของที่ชอบได้สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ในมื้อเช้าสุดสัปดาห์ก็ได้

           เลิกอด อย่าคิดว่าการอดอาหารจะช่วยให้คุณลดความอ้วนได้นะ แต่จะยิ่งทำให้คุณยิ่งหิวมากขึ้น เมื่อหิวมาก ๆ สุดท้ายคุณก็จะกินมากขึ้นต่างหาก ดังนั้น สำคัญที่สุดคือ ต้องกินให้ครบ 3 มื้อ หรือจะแบ่งกินเป็นมื้อเล็ก ๆ ระหว่างวัน รวมเป็น 5 มื้อ เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญก็ได้ และไม่ทำให้คุณโหยจนเกินไป แต่จำไว้ว่า มื้อเย็นคือมื้อที่ต้องทานให้น้อยที่สุด ยิ่งทานก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมงยิ่งดี เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญได้หมด จะได้ไม่สะสมเป็นไขมัน

           เลี่ยงการทานสลัดที่มีแคลอรี่สูง หลายคนคิดว่าสลัดผักนั้นดีต่อสุขภาพที่สุดแล้ว แต่มันจะไม่ดีแน่ ถ้าในชามสลัดของคุณราดด้วยเดรสซิ่งน้ำข้น หรือซอสต่าง ๆ แถมยังใส่ขนมปังกรอบ ถั่ว ไข่ ครีม ชีส อะโวคาโด แค่นี้ก็ทำให้แคลอรี่ในจานสลัดพุ่งจนน่าตกใจแล้ว เพราะฉะนั้น เปลี่ยนไปใส่สลัดน้ำใส เลือกผักที่มีแคลอรี่ต่ำ เช่น พริกหยวก เห็ด หรือหัวหอม และเลี่ยงเครื่องสลัดที่มีแคลอรี่สูงโดยด่วน

           อย่าทานอาหารขณะอยู่หน้าทีวี จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเเมตซาชูเซสต์ ระบุว่า การรับประทานอาหารขณะดูโทรทัศน์ จะทำให้คุณเพิ่มเเคลอรี่เข้าไปถึง 288 แคลอรี่จากที่คุณได้รับปกติ ดังนั้น คุณควรรับประทานอาหารบนโต๊ะกินข้าวปกติ และเปลี่ยนเวลา 1 ชั่วโมงในการดูโทรทัศน์เป็นการเดินแทน นั่นจะช่วยให้คุณผลาญได้ถึง 527 แคลอรี่

           เลิกดื่มน้ำปั่นแบบสมูทตี้ เพราะน้ำปั่นแสนชื่นใจนี้ผสมน้ำตาลเยอะมาก ยกเว้นแต่ว่าคุณจะนำผลไม้มาปั่นทานเอง แล้วติมน้ำตาลลงไปนิดเดียว หรือไม่เติมได้ยิ่งดี รวมทั้งวิปครีมในกาแฟเย็น ช็อกโกแลตเย็น อันนี้ก็หลีกให้ไกลเช่นกัน

           ทานเนื้อสัตว์ควบคู่ไปด้วยในทุก ๆ มื้อ เพราะโปรตีนก็จำเป็นในการลดน้ำหนักเช่นกัน และร่างกายของคุณก็ต้องการสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ด้วย ทั้งนี้ อย่าถือโอกาสนี้กินเนื้อติดมันให้น้ำหนักพุ่งพรวดล่ะ จำไว้ว่าถ้าอยากผอม คุณก็ต้องทานแต่เนื้อส่วนที่มีไขมันน้อย ๆ เท่านั้น

           หันมาทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว เพราะในข้าวกล้องมีใยอาหารที่ช่วยลดการย่อยแป้งและน้ำตาลซึ่งเป็นตัวการหลักที่ทำให้คุณอ้วนได้ ส่วนใครที่ชอบทานขนมปังก็ให้หันมาทานขนมปังโฮลวีท หรือโฮลเกรนแทน จะช่วยเรื่องระบบขับถ่าย และทำให้ลดน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น

           ทานถั่วอัลมอนด์ จากการวิจัยของสถาบันวิจัยผู้ป่วยโรคอ้วนนานาชาติพบว่า คนที่ทานถั่วอัลมอนด์อย่างน้อยวันละ 6 ช้อนโต๊ะอย่างต่อเนื่องทุกวัน จะลดหน้าท้องได้เร็วกว่าคนที่ไม่ทานถั่ว


 เปลี่ยนนิสัยส่วนตัว

          นอกจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินแล้ว การปรับเปลี่ยนนิสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างก็ช่วยลดความอ้วนให้คุณได้เหมือนกัน ถ้าทำเป็นประจำทุกวัน รับรองว่า น้ำหนักของคุณจะลดลงอย่างรวดเร็วแน่นอน

           นอนให้เร็วขึ้น สาว ๆ หลายคนติดละคร ติดซีรีส์ หรือชอบนั่งเม้าท์กับเพื่อน ทำให้กว่าจะนอนปาไปตี 1 ตี 2 แบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อน้ำหนักของคุณแน่นอน รู้ไหมว่า หากเราเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกมาช่วยเผาผลาญพลังงานให้คุณได้ แต่ถ้าขืนนอนดึก แล้วตื่นสาย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คุณหิวบ่อยขึ้นมาแทน แน่นอนว่า หิวก็ต้องกิน แต่ถ้ากิน ไขมันก็ยิ่งสะสมมากขึ้นนะ  

           ยกเวทกันดีกว่า ใคร ๆ ก็รู้ว่าการออกกำลังกายเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้น ลุกไปที่ยิมแล้วหยิบเวทมายกกันดีกว่าค่ะ เพราะการยกเวทจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้คุณ แถมมันยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญให้ร่างกายด้วย

           จดบันทึกประจำวันให้เป็นนิสัย ว่า แต่ละวันคุณกินอะไรไปบ้าง มันจะช่วยให้คุณยับยั้งชั้งใจ และควบคุมพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้ดีเลยทีเดียว

           ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง อย่าเคร่งเครียด หรือเคร่งครัดกับตัวเองมากไปว่าจะต้องลดให้ได้เท่านั้นเท่านี้ บางทีการตั้งความหวังสูงเกินไปอาจทำให้คุณผิดหวัง ขอให้ตั้งเป้าไว้น้อย ๆ ก่อน แล้วถ้าทำได้ก็ให้รางวัลกับตัวเอง อย่างเช่น ขอทานในสิ่งที่ตัวเองชอบสักมื้อ หรือไปช้อปปิ้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ให้เป็นของขวัญตัวเอง จะช่วยสร้างกำลังใจให้เดินหน้าลดน้ำหนักต่อได้มากเลย

           ทำตัวให้อารมณ์ดีมีความสุขในทุก ๆ วัน คุณจะได้ไม่กลายเป็นคนซึมเศร้าจนต้องคอยหาขนมจุบจิบมาทานแก้เครียด

           ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเร็ว ๆ (เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน) สัก 20 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยให้คุณเผาผลาญไขมันได้ดีกว่าการทำคาร์ดิโอช้า ๆ วันละครั้งเสียอีก

           เลิกบุหรี่ รู้ไหมว่าคนที่สูบบุหรี่นั้นจะมีสะสมไขมันตามหน้าท้องได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่เคยแตะบุหรี่เสียอีก

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แล้วคุณแหละ ต้องการเวลาแบบไหน


เวลาที่เหมาะกับการออกกำลังกาย



มีคนสงสัยว่า เราควรจะออกกำลังกายเวลาไหนดี เช้า กลางวันหรือ เย็น หากเลือกเวลาที่เหมาะสม การเผาผลาญไขมันจะดีกว่า  ในขณะที่ใช้เวลาออกกำลังกายเท่ากัน แต่ช่วงเวลาต่างกันเยอะ เวลาที่ดีที่สุดของการออกกำลังกายขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายของการออกกำลังกายนั้นเพื่ออะไร
         หากต้องการลดน้ำหนัก     
         ควรออกกำลังกายตอนเช้า เพราะจะช่วยเผาผลาญแคลอรีดีกว่าตอนเย็น เพราะร่างกายจะนำเอาคาร์โบไฮเดรตจากอาหารมื้อเย็นเของเมื่อวานมาใช้เป็นพลังงาน  กฎของการลดความอ้วนนั้นไม่ยากเลย“กินให้น้อยใช้ให้เยอะ” เท่านั้นเอง
         หากต้องการกล้ามเนื้อที่แข็งแรง        
         ควรใช้เวลาในช่วงบ่าย เพราะจากผลการวิจัยเขาบอกมาแล้วว่า  กล้ามเนื้อจะใช้งานได้ดีที่สุดตั้งแต่เวลาเที่ยงเป็นต้นไป
         ออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลาย
         ควรจะเป็นช่วงบ่ายๆ เพราะออกกำลังกายในช่วงบ่ายของวัน จะช่วยทำให้หลับสบายเวลากลางคืนทำให้ไม่เครียดด้วย
         ออกกำลังกายเพื่อเลือกอุณหภูมิ
         หลายคนอาจจะไม่ชอบอากาศร้อนนะคะ ดังนั้นควรเลือกออกกำลังกายในตอนเช้าหรือตอนเย็นที่อากาศไม่ร้อนเท่านั้น  ซึ่งในกรณีนี้ ควรออกกำลังกายนอกสถานที่ อาทิเช่นวิ่งขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เป็นต้น
         ออกกำลังกายเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์   
         เวลาเช้าดีที่สุด เพราะอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์และการออกกำลัง    ที่กระฉับกระเฉงจะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น และออกซิเจนจะถูกนำไปใช้ได้อย่างมีประโยชน์สูงสุด

         และอย่าลืมว่าอาหารนั้นมีผลต่อการออกกำลังกายเสมอ  หากเลือกกินผิดประเภทจะทำให้การเผาผลาญพลังงานไม่ดีพอ และสะสมเป็นไขมัน  แม้จะออกกำลังกายอยู่เป็นประจำก็ตามที ดังนั้นจึงเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างดีนักแล.

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การเลือกชนิดกีฬาให้เหมาะกับวัยของคุณ


กีฬา


เลือกชนิดกีฬาให้เหมาะกับวัยของคุณ (Health&Cusine)

          ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รักสุขภาพ และออกกำลังกายเป็นประจำ จะแน่ใจได้อย่างไรคะว่าชนิดของกีฬา และรูปแบบการออกกำลังกายที่ปฏิบัติกันอยู่นั้น เหมาะสมกับตัวคุณแล้ว เพราะสิ่งมีประโยชน์แต่ถ้าเลือกปฏิบัติไม่ถูกต้องเหมาะสม ก็อาจเกิดโทษได้เช่นกัน
 
 เลือกกีฬา ตามช่วงอายุ

 วัยเด็ก อายุ 1-10 ปี


ว่ายน้ำ


          กล้ามเนื้อและกระดูกยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ออกกำลังกายติดต่อกันได้ไม่นานก็จะรู้สึกเหนื่อย ร่างกายต้องการพักผ่อนมาก ชอบการอยู่รวมเป็นกลุ่ม เล่นกับเพื่อนหลาย ๆ คน 

           กีฬาที่เหมาะ ควรให้ทำร่วมกันเป็นหมู่คณะ เน้นกิจกรรมที่ให้เด็กได้ฝึกใช้ความสัมพันธ์ของมือ สายตา เท้า และได้เคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลา เช่น วิ่ง กายบริหาร เกมเบ็ดเตล็ด ปีนป่าย ว่ายน้ำ ยืดหยุ่น เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่ปะทะกันรุนแรง เพราะอาจทำให้กระดูกแตกหักได้  และไม่ควรให้เด็กเล่นหรือออกกำลังกายมากเกินไป

 วัยรุ่น อายุ 11-16 ปี


บาสเกตบอล


          ร่างกายเด็กกำลังเติบโตเข้าสู่วัยหนุ่มสาว โดยเด็กผู้หญิงจะมีพัฒนาการทางกายมากกว่าเด็กผู้ชายในระยะเริ่มต้น แต่ในช่วงปลายเด็กผู้ชายจะเจริญเติบโตมากกว่าด้านจิตใจ เด็กวัยนี้จะเริ่มจับกลุ่มโดยแยกหญิง-ชาย และชอบกิจกรรมที่ต้องแข่งขัน ชอบการผจญภัย

           กีฬาที่เหมาะ เน้นความคล่องแคล่ว ว่องไว หรือฝึกให้ใช้ทักษะเฉพาะอย่าง เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล แบดมินตัน 

           ข้อควรระวัง ผู้ปกครองควรสอนให้เด็กเข้าใจ ว่าร่างกายยังมีความอดทนจำกัด ถ้าเหนื่อยควรหยุดพักก่อน และหลีกเลี่ยงกีฬาที่มีการปะทะกันรุนแรง เช่น กีฬาชกมวย

 วัยหนุ่มสาว อายุ 17-35 ปี


แบดมินตัน


          ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์แบบและไม่จำกัด แต่สมรรถภาพทางร่างกายจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าได้รับการดูแลอย่างไรในวัยเด็ก ผู้ที่ต้องการเป็นนักกีฬาสามารถฝึกร่างกาย และทักษะทางการกีฬาได้อย่างเต็มที่ทุกรูปแบบในช่วงนี้

 วัยกลางคน อายุ 36-55 ปี


ปั่นจักรยาน


          ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น ต้องการการพักผ่อนมากขึ้น ความทนทานของร่างกายเริ่มลดลง

           กีฬาที่เหมาะ ควรเป็นกิจกรรมที่เคลื่อนไหวที่ช้า เน้นความเพลิดเพลิน ความสบายใจ และปฏิบัติได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น จ๊อกกิ้ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน กายบริหารต่าง ๆ

           ข้อควรระวัง โรคข้อต่าง ๆ และการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ เพราะความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อลดลง ดังนั้นก่อนเริ่มออกกำลังกายทุกครั้ง แม้ว่าจะออกกำลังเพียงเบา ๆ ก็ควรยืดเหยียดกล้ามเนื้อหรือวอร์มอัพร่างกายเสมอ

 วัยสูงอายุตั้งแต่ 56 ปี ขึ้นไป


jogging


          เริ่มเข้าสู่วัยสูงอายุ สมรรถภาพทางกายโดยรวมลดลง สภาพจิตใจจึงแย่ตามไปด้วย ควรเน้นการออกกำลังกายที่ฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรง หรือรักษาสุขภาพโดยรวมให้ดีอยู่เสมอ เพราะจะช่วยให้ผู้สูงอายุได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สภาพจิตใจจะสดชื่น แจ่มใสขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วย

           กีฬาที่เหมาะ ควรเป็นกิจกรรมเบา ๆ ไม่มีการปะทะ เคลื่อนไหวร่างกายอย่างราบรื่น ไม่มีเปลี่ยนจังหวะหรือทิศทางกะทันหัน เช่น เดิน ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ไทเก็ก โยคะ พีลาทิส เต้นแอโรบิกแบบแรงกระแทกต่ำ( low impact) เป็นต้น

           ข้อควรระวัง โรคประจำตัวต่าง ๆ รวมถึงความหนักและระยะเวลาที่ออกกำลังกาย ไม่ควรหนักหรือนานเกินไป

 เลือกกีฬาตามหลักสรีระ


ผู้หญิง


          ชายและหญิงมีความแตกต่างกัน ทั้งทางกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา ตอนเป็นเด็ก อายุ 2-10 ปี ความสามารถทางกีฬาอาจไม่แตกต่างกันมาก แต่พออายุ 10-14 ปี ร่างกายผู้ชายจะมีกล้ามเนื้อมากขึ้น กระดูกใหญ่และแข็งแรงกว่า

          ในขณะที่ผู้หญิงก็เริ่มมีประจำเดือน บางครั้งก็ปวดท้อง หงุดหงิดง่าย รูปแบบของการออกกำลังกายของผู้หญิงจึงควรเป็นแนวเพื่อสุขภาพ และทรวดทรงที่สวยงามมากกว่าการแข่งขัน เช่น ว่ายน้ำ ยิมนาสติก เต้นแอโรบิก โยคะ แบดมินตัน เป็นต้น ส่วนเพศชายสามารถเลือกเล่นกีฬาได้ทุกรูปแบบ